ราวปี พ.ศ. 2457 มีการปรับปรุงเขตอำเภอสำหรับการปกครอง เมืองไชยบุรีเป็นอำเภอหนึ่งในการปกครองของท้องที่อำเภอโพนพิสัย เป็นอำเภอที่อยู่ไกลลงไปทางใต้ของแม่น้ำโขงถึง 160 กิโลเมตร ส่วนของราชการโพนพิสัยดูแลไม่ทั่วถึง อีกทั้งอำเภอไชยบุรีก็ไกล้อำเภอท่าอุเทนจนเกินไป จึงได้ตัดพื้นที่บางส่วนของอ.โพนพิสัยให้รวมกับพื้นที่อ.ไชยบุรี และให้ย้ายที่ว่าการไชยบุรีมาตั้งที่บริเวณริมแม่น้ำโขงที่เป็นศูนย์กลาง เหมาะกับการปกครอง อยู่ตรงกันข้ามกับ ” เมืองบริคัน ” แขวงเวียงจันของสปป.ลาว ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆชื่อ ” บึงกาญจ์ ” แต่ยังขึ้นตรงกับจังหวัดนครพนมอยู่เหมือนเดิม
ต่อมาในปี พ.ศ. 24579 รัชการที่ 3 ทรงทราบว่าอ.ไชยบุรีที่เป็นอำเภอที่ขึ้นกับจ.นครพนมมีระยะห่างจากไกลเมืองนครพนมมาก จึงได้ย้ายโอนปรับปรุงเขตการปกครองอ.ไชยบุรีมาขึ้นตรงกับจ.หนองคายจวบปัจจุบันแต่ยังคงได้ชื่อว่า อ.ไชยบุรีเหมือนเดิม
ต่อมาข้าราชการในสมัยนั้นเห็นว่าที่ตั้งของที่ว่าการอ.ไชยบุรีตั้งอยู่หมู่บ้านบึงกาญจ์เดิมตั้งอยู่ไกล้บึงขนาดน้ำใหญ่ชื่อ ” บึงกาญจ์ ” และชาวบ้านทั่วๆไปก็มักเรียกอำเภอใหม่นี้ว่าบึงกาญจ์ ที่แปลว่าแม่น้ำสีทองแต่ความจริงแม่น้ำเป็นสีดำ จึงได้รายงานและขอเปลี่ยนชื่อเป็น ” บึงกาฬ ” ( ตามสีของบึงที่เป็นสีดำ ) และได้เปลี่ยนเป็น “อำเภอบึงกาฬ ” จวบจนปัจจุบัน
จังหวัดบึงกาฬ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่โชคดีที่มีพื้นที่ของเมืองที่ทอดยาวตามริมน้ำโขงทำให้ได้รับอิทธิพลของแม่น้ำโขงทำให้อากาศดีตลอดปี ในหน้าร้อนก็ไม่ร้อนมากแล้ว ปัจจุบันบึงกาฬยังได้รับอานิสงส์ทางเศษฐกิจจากดินฟ้าอากาศ ทำให้บึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีสวนยางมากที่สุดในภาคอิสาน และอันดับ 7 ในระดับประเทศทีเดียว
อุทยานภูลังกา หนึ่งในอุทยานที่น่าสนใจของจังหวัดบึงกาฬ
ภูลังกามีตำนานเรื่องเล่ากล่าวขานความลี้ลับอาถรรพ์ที่เล่ากล่าวแม้จะเกี่ยวพันกับความเชื่อและคติโบราณ
เมื่อเราจดทะเบียนถูกต้องจึงตัดปัญหาการโกงหรือการทิังลูกค้าไปได้
เรามีคอนเนคชันกับสถานที่เที่ยวต่างๆ รวมถึงโรงแรมและร้านอาหาร เซฟค่าใช้จ่ายเละเวลา
เราสัญญาว่าจะทำการบ้านเตรียมงานให้ท่านก่อนเดินทางทุกคณะ